วัสดุุปิดผิวมีความสำคัญในงานเฟอร์นิเจอร์และงานตกแต่งภายใน เพราะมีบทบาทในการป้องกันวัสดุภายในหรือส่วนโครงสร้าง และยังช่วยตกแต่งให้เกิดความสวยงาม ซึ่งวัสดุปิดผิวนั้นมีให้เลือกหลากหลายโดยขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของการใช้งาน สภาพแวดล้อม และความสวยงาม โดนวันนี้ คิดดีทำดีสร้างดี ได้รวบรวมข้อมูล 5 วัสดุปิดผิว เพื่่อประกอบการตัดสินใจของผู้ที่กำลังมีแพลนจะสร้างหรือต่อเติมบ้าน

1.เมลามีน (Melamine Paper Films Foil)

เมลามีนเป็นกระดาษพิมพ์ลวดลายต่าง ๆ เคลือบสารเมลามีนที่ถูกผลิตด้วยเครื่องจักรในโรงงาน มีความหนาประมาณ 0.3 - 0.4 มม. โดยผ่านการอัดทับกันหลาย ๆ ชั้น จากนั้นนำไปรีดทับอีกทีบนแผ่นไม้อัด เช่น ไม้ปาติเกิ้ลหรือไม้ MDF ด้วยความร้อนสูง ทำให้ตัวไม้และผิวเมลามีนผสานกันกลายเป็น Melamine Board ซึ่งมันเป็นเนื้อวัสดุเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ คุณภาพของวัสดุ รวมถึงมีลวดลายสวยงามเป็นธรรมชาติสามารถนำมาใช้ปิดผิวทดแทนไม้จริงได้ ง่ายต่อการนำมาผลิต สามารถตัดตามขนาดและดีไซน์ได้ตามต้องการ

ไม้สังเคราะห์ที่ถูกเคลือบปิดผิวด้วยวัสดุเมลามีนเหมาะสำหรับผลิตเฟอร์นิเจอร์โดยเฉพาะ ซึ่งไม้สังเคราะห์ที่นิยมนำมาเคลือบปิดผิวเมลามีนกันอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศก็คือ ไม้ปาติเกิ้ล (Particle Board) เพราะเป็นไม้ที่สามารถเคลือบปิดผิวเมลามีนได้อย่างมีคุณภาพ และมีความเรียบเนียน ทำให้ดูสวยงาม นอกจากนี้ยังสามารถปิดทับบนพื้นไม้ Particle และ ไม้ MDF โดยใช้ความร้อนจะช่วยเพิ่มความติดแน่นทนนานมากยิ่งขึ้น ข้อดีของเมลามีนนั้นคือเป็นวัสดุที่สามารถทนความร้อน ความชื้น และรอยขีดข่วนได้ดี มีระยะอายุการใช้งานนาน ถือเป็นวัสดุปิดผิวมาตรฐานในการนำมาผลิตเฟอร์นิเจอร์ นิยมนำมาปิดผิวโต๊ะต่าง ๆ หรือชุดครัว เป็นต้น ปัจจุบันมีราคาที่ค่อนข้างแพง

ข้อดีของวัสดุปิดผิวเมลามีน

• ผิวสัมผัสเรียบเนียนเสมอกัน
• มีความแข็งแรงมาก
• ไม่หลุดลอกง่าย
• ป้องกันรอยขีดข่วน
• ทำความสะอาดง่าย เช็ดสิ่งสกปรกออกง่าย
• ทนความชื้นและเชื้อรา
• สามารถกันน้ำได้ น้ำไม่ซึมผ่าน
• ไม่ต้องทากาว ไม่ต้องพ่นสี
• ทนความร้อนและทนการแตกร้าว
• มีลวดลายและสีสันที่หลากหลาย
• มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่ผุพังง่าย

ข้อเสียของวัสดุปิดผิวเมลามีน

• ไม่เหมาะกับการใช้งานนอกอาคาร
• ลวดลายและสีสันเลือกได้น้อยกว่าลามิเนต
• ความเป็นเนื้อเดียวกันทั้งชิ้น ทำให้ยากต่อการตัดแต่งเป็นรูปทรงที่มีดีเทลละเอียดมาก ๆ

2.ลามิเนต (High Pressure Laminate /HPL)

แผ่นลามิเนต หรือเรียกอีกชื่อว่า ฟอร์ไมก้า เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่มีราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับวัสดุปิดผิวประเภทอื่น ทำมาจากวัสดุที่หลากหลายบีบอัดเข้ากันด้วยความร้อนและแรงดันสูงเป็นชั้น ๆ ให้กลายเป็น 1 แผ่น

  ส่วนประกอบสำคัญ
          1. Overlay คือ ชั้นบนสุดของแผ่นลามิเนตทำให้แผ่นลามิเนต มีความทนทานแข็งแรง ป้องกันการกระทำใดๆ ที่จะเกิดผลต่อความสวยงามของผิวหน้าจองแผ่นลามิเนต
          2. Decorative Paper ถัดมาจากชั้น Overlay เป็นชั้นที่แสดงลวดลายและความสวยงามต่างๆ ของแผ่นลามิเนต
          3. Core ชั้นนี้เป็นกระดาษคราฟ (Kraft Paper) เคลือบด้วยเรซิ่นชนิดพิเศษ เพื่อให้กระดาษรวมตัวเป็นชั้นเดียวกัน ชั้น Core มีหน้าที่ ให้ความหนา ทำให้แผ่นลามิเนตมีความแข็งแรงมากขึ้น ไม่โก่ง บิดงอ หรือ แตกหัก

มีความใกล้เคียงกับไม้จริง มีความหนาประมาณ 0.6-1.0 มิลลิเมตร การนำไปใช้งานส่วนใหญ่จะนำแผ่นสามิเนตไปติดกับเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ด้วยกาว หรือเข้าเครื่องอัดรีด เหมาะสำหรับการใช้งานตกแต่งภายในทั้ง ผนัง ฝ้า เพดาน และเฟอร์นิเจอร์ ข้อดีของแผ่นลามิเนตคือทนต่อความร้อนและการขูดขีดได้ดี แข็งแรงแต่ยืดหยุ่นรองรับแรงกระแทกได้ดี มีอายุการใช้งานนาน  โค้งงอเข้ามุมได้ดีกว่าเมลามีน และแข็งแรงมากกว่าพีวีซี

แผ่นลามิเนตมีสีและลวดลายที่เหมือนไม้จริงอย่างมาก สามารถเลือกเฉดสีที่เฉพาะเจาะจงได้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่มีรายละเอียดเฉพาะเจาะจง ต้องการให้ลวดลายและสีสันของเฟอร์นิเจอร์มีเฉดที่ตรงกับสีของแบรนด์ ตรงกับการตกแต่งภายในบริเวณนั้น ๆ มากที่สุด

ข้อดีของวัสดุปิดผิวลามิเนต 

• สวยงามเหมือนไม้จริง
• ป้องกันรอยขีดข่วนได้
• มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
• ทนความร้อนได้ดีกว่าเมลามีนและพีวีซี
• มีความแข็งแรงที่ได้มาตรฐาน
• ป้องกันแมลงและศัตรูทำลายไม้
• มีความยืดหยุ่น รองรับแรงกระแทกได้ดี
• ทำความสะอาดง่าย เช็ดสิ่งสกปรกออกง่าย
• ใช้ปิดผิวงานที่ต้องการดีเทลเยอะ ๆ ได้
• สามารถปิดผิวเคาน์เตอร์ที่มีความโค้งงอได้
• มีลวดลายและสีสันให้เลือกหลากหลายมากกว่า
• สามารถเลือกเฉดสีที่ใกล้เคียงกับโทนสีของแบรนด์ได้
• เลือกโทนสีและลวดลายที่เข้ากับการตกแต่งในสถานที่นั้น ๆ ได้

ข้อเสียของวัสดุปิดผิวลามิเนต

• ผิวไม่เรียบเนียนเท่าเมลามีน
• ราคาสูงกว่าวัสดุปิดผิวพีวีซีและเมลามีน
• ต้องใช้ความชำนาญมากในการติดประกอบ
• หากติดอย่างไม่ชำนาญ อาจทำให้หลุดร่อนได้
• ปิดได้แค่ผิวด้านหน้า ลายทั้งสองด้านจึงไม่เหมือนกัน

3.วีเนียร์ (Veneer)

เป็นวัสดุที่ทำจากธรรมชาติและมีผิวสัมผัสที่คล้ายจริงมากที่สุด มีทั้งแบบไม้วีเนียร์ (Wood Veneer) และหินวีเนียร์ (Stone Veneer) โดยทั้งไม้และหินวีเนียร์เป็นการนำผิวเนื้อไม้จริงและหินจริงมาทำเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำไปผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ ให้มีความหนา 0.3 - 3 มม.จึงมีลายไม้สวยงามตามธรรมชาติให้ผิวสัมผัสของวัสดุจริง แต่ไม่ทนทานเท่าแผ่นลามิเนต และยังมีลวดลายที่สร้างเลียนแบบธรรมชาติที่เรียกว่า Recompose ทดแทนลายที่หายากและราคาแพง ขนาดมาตรฐาน 1.20 x 2.40 เมตร ติดตั้งโดยปิดบนแผ่นเรียบ แล้วเคลือบผิวด้วยแล็กเกอร์หรือยูรีเทนป้องกันการขีดข่วน เหมาะกับการตกแต่งผนังและเฟอร์นิเจอร์ หินวีเนียร์ (Stone Veneer) สามารถเลือกเคลือบเงา เคลือบหน้า หรือกันชื้นแบบเดียวกับน้ำยาเคลือบหินจริงที่มีขายในท้องตลาด

ข้อดีของวัสดุปิดผิววีเนียร์

• ลายเป็นธรรมชาติเหมือนจริงมากที่สุด
• ผิวสัมผัสให้ความรู้สึกคล้ายไม้และหินจริง
• อายุการใช้งานยาวนาน
• ทำความสะอาดและดูแลรักษาง่าย
• เข้ากันได้กับงานออกแบบหลายสไตล์
• เข้ามุมโค้งของเคาน์เตอร์ได้ง่าย

ข้อเสียของวัสดุปิดผิววีเนียร์

• วีเนียร์ไม้ใช้งานได้ในเฉพาะตัวอาคาร
• วีเนียร์ไม้หากโดนน้ำหรือความชื้น อาจทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น

4.พีวีซี (Polyvinyl Chloride / P.V.C)

เป็นแผ่นหนังเทียมที่ทำจากพลาสติกและมีการพิมพ์ลายเลียนแบบสีไม้ธรรมชาติ  ลายการ์ตูน หรือลายยอดนิยมอื่น ๆ ซึ่งมีความหนาประมาณ 0.15 มิลลิเมตร เพื่อนำมาใช้ในการปิดผิวไม้ คุณสมบัติของผิวพีวีซี คือ สามารถดัดโค้งได้มาก และสร้างลวดลายนูนได้มากกว่า ทนความร้อนได้ถึง 60 องศา ทนต่อความชื้น และรอยขีดข่วนได้ปานกลาง จึงนิยมใช้ในการปิดบนผิวชิ้นงาน เพื่อป้องกันรอยขูดขีดหรือการซึมของน้ำที่จะมาทำความเสียหายต่อชิ้นงาน เช่น โต๊ะคอมพิวเตอร์ โต๊ะทำงาน ตู้เอกสาร เป็นต้น

เหมาะกับคนที่ต้องการคุมงบประมาณแบบไม่ต้องการให้ส่งผลกระทบต่อความแข็งแรง และใช้งานเคาน์เตอร์ในบริเวณที่ไม่สัมผัสโดนน้ำบ่อย ๆ หรือจะใช้ปิดบริเวณขอบเคาน์เตอร์ในส่วนของดีเทลเล็ก ๆ ที่วัสดุอื่น ๆ ปิดไม่ถึงก็ได้ มีทั้งชนิดติดตั้งด้วยกาว และชนิดมีสติ๊กเกอร์กาวด้านหลังแผ่นพร้อมใช้งานโดยใช้กาวและใช้ความร้อนสูงเป็นตัวเชื่อม เพื่อให้ติดกับผิวไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามรถใช้กรุผนัง ฝ้าเพดาน และหน้าบานตู้ ขนาดมาตรฐาน 1.20 – 2.40 เมตร

ข้อดีของวัสดุปิดผิวพีวีซี 

• มีความสวยงาม มีสีสันสดใส
• มีลวดลายให้เลือกเยอะ
• ราคาถูก เหมาะกับคนที่ต้องการเซฟงบประมาณ
• โค้งเข้ามุม เข้ารูปทรงตามที่ต้องการได้

ข้อเสียของวัสดุปิดผิวพีวีซี

• มีความบาง
• ต้องมีความชำนาญในการติดประกอบ
• กันน้ำกันชื้นได้ไม่เทียบเท่ากันเมลามีนและลามิเนต
• หากสัมผัสโดนบ่อย ๆ หรือโดนน้ำ อาจทำให้หลุดลอกและใช้งานไม่ยาวนาน

5.สแตนเลส (Stainless)

เป็นวัสดุที่นิยมมากในการนำมาปิดท็อปเคาน์เตอร์ เพราะง่ายต่อการตัดเชื่อมเพื่อประกอบและขึ้นรูป ทำจากเหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) ที่มีส่วนผสมของเหล็ก คาร์บอน นิกเกิล และโครเมียม ฯลฯ มีความโดดเด่นตรงที่สามารถป้องกันสนิม ถึกต่อแรงกระแทก ทนต่อการกัดกร่อน ป้องกันความชื้น ทนต่ออุณหภูมิร้อน-เย็นจัด และทำความสะอาดง่าย

ชนิดของพื้นผิวสแตนเลส

• สแตนเลสผิวเงา (Mirror Stainless)

สแตนเลสผิวเงา หรือผิวมิลเลอร์ มีลักษณะเป็นผิวเงา สะท้อนแสงคล้ายกระจกเงา มีความแวววาว ให้ความรู้สึกหรูหรา สะอาดตา ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ

• สแตนเลสผิวด้าน

สแตนเลสผิวด้าน หรือ NO.1 มีลักษณะเป็นผิวเรียบ สีเทาด้าน ไม่ทำให้เกิดแสงสะท้อน

• สแตนเลสผิวแฮร์ไลน์ (Hairline Stainless)

สแตนเลสผิวแฮร์ไลน์ หรือสแตนเลสขนแมว จะถูกขัดผิวให้ด้าน และมีรอยขีดเป็นเส้นต่อเนื่องคล้ายเส้นผม หรือขนแมว สแตนเลสชนิดนี้จะไม่ทำให้เกิดแสงสะท้อน ปัจจุบันจึงได้รับความนิยมนำไปใช้อย่างมาก

ข้อดีของวัสดุปิดผิวสแตนเลส

• มีผิวเรียบเนียน สวยงาม
• ป้องกันสนิม ป้องกันความชื้น
• ทนน้ำกรด น้ำเค็ม ทนทานต่อการกัดกร่อน
• ทนต่อความร้อน ไม่ติดไฟ
• ทนต่ออุณหภูมิเย็นจัด ไม่แตกเปราะง่าย
• แข็งแกร่งทนต่อแรงกระแทก ใช้งานหนัก ๆ ได้
• ไม่มีคราบติดแน่น ทำความสะอาดง่าย
• ตอบโจทย์ด้านการใช้งานระยะยาว

ข้อเสียของวัสดุปิดผิวสแตนเลส

• มีราคาแพง
• มีสีและลวดลายให้เลือกน้อย
• ไม่สามารถใช้ได้กับพื้นผิวการปรุงอาหารด้วยแม่เหล็ก เช่น เตาแม่เหล็กไฟฟ้า